สถานการณ์เลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคมที่บ้านอัมพวัน การแข่งขันครั้งนี้มีผู้สมัครสองราย ได้แก่ ผศ. พิมล ศรีวิกรม์ และนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ซึ่งทั้งสองฝ่ายแสดงความมั่นใจในการคว้าชัยชนะ นอกจากนี้ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ก็พร้อมรับตำแหน่งหากได้รับการเสนอชื่อ อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกภายในอาจนำไปสู่ผลกระทบทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาของศาลกีฬาโลก (CAS) เนื่องจากประเด็นเกี่ยวกับธรรมนูญและจำนวนกรรมการบริหาร
การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เนื่องจากการเมืองอาจแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้ง หากมีการละเมิดกฎหรือเกิดความไม่เป็นธรรม อาจทำให้วงการกีฬาไทยตกอยู่ภายใต้มาตรการลงโทษ ขณะเดียวกัน ความเห็นต่างเรื่องจำนวนกรรมการบริหารระหว่างกลุ่มสนับสนุนแต่ละฝ่ายยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องหาข้อยุติ
ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาก็ตาม ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจนในหมู่สมาชิกโหวตเตอร์ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับจำนวนกรรมการบริหาร ซึ่งบางฝ่ายเห็นว่าควรเป็น 25 คน ในขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าควรเพิ่มเป็น 37 คน จะกลายเป็นหัวข้อถกเถียงหลักในวันเลือกตั้ง
หากไม่มีข้อยุติในวันที่ 25 มีนาคม คาดว่ากรณีนี้อาจถูกส่งต่อไปยัง IOC เพื่อขอคำแนะนำ หากยังไม่สามารถหาทางออกได้ กระบวนการพิจารณาของศาลกีฬาโลก (CAS) อาจเป็นคำตอบสุดท้าย
การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความแตกแยกภายในวงการกีฬา แต่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามต่อความสามารถของประเทศไทยในการรักษาความเป็นกลางในกีฬาอาชีพ การตัดสินใจครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในระยะยาว และกำหนดเส้นทางอนาคตของการพัฒนานักกีฬาในประเทศ