บทความนี้นำเสนอเรื่องราวของกษิดิศ สำเร็จ นักเทนนิสมือหนึ่งของประเทศไทยที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ในออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 โดยเป็นนักเทนนิสไทยคนแรกในรอบ 13 ปีที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับแกรนด์สแลม ผู้ชายชาวไทยรายที่สามที่ได้ลงแข่งขันประเภทชายเดี่ยวในรายการนี้ หลังจากภราดร ศรีชาพันธุ์ และดนัย อุดมโชค เขาได้รับไวลด์การ์ดจากการแข่งขันที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน และแม้ว่าเขาจะแพ้ให้แก่มือวางอันดับ 5 ของโลกอย่างดานิล เมดเวเดฟในการแข่งขันรอบแรก แต่ก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจและสร้างชื่อเสียงให้กับวงการเทนนิสไทย
ในยามที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านท้องฟ้าสดใส กษิดิศ สำเร็จ หรือบูม ซึ่งเกิดในวันที่ 26 มกราคม 2001 ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เขาคือนักเทนนิสมือหนึ่งของไทยและมีอันดับโลกที่ 414 (ณ เดือนมกราคม 2025) ด้วยความสูง 191 เซนติเมตร ซึ่งทำให้เขาโดดเด่นบนคอร์ตเทนนิส บิดาของเขาคือวิทยา สำเร็จ อดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชทีมชาติ
กษิดิศเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศมีนบุรี และจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ส่วนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เขาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร การเล่นเทนนิสของเขาเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจจากบิดา แต่เคยมีช่วงเวลาที่เขาหยุดเล่นเนื่องจากความผิดหวังในผลการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม เขากลับมาตั้งใจฝึกฝนอีกครั้งจนได้รับโอกาสติดทีมชาติไทยครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี ในเอเชียนเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย และซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์
ในเดือนมกราคม 2025 กษิดิศได้รับไวลด์การ์ดในการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น จากการชนะริโอะ โนกูชิ ในรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน Australian Open Asia-Pacific Wildcard Play-off ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน แม้ว่าเขาจะแพ้ให้กับดานิล เมดเวเดฟในการแข่งขันรอบแรก แต่เขาก็สามารถสู้กันได้อย่างสนุกและใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง 8 นาที ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนเทนนิสทั่วโลก
การเข้าสู่เวทีแกรนด์สแลมของกษิดิศไม่เพียงแต่เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่อนาคตที่สดใสสำหรับวงการเทนนิสไทยอีกด้วย
ในฐานะผู้ชม เราสามารถเห็นได้ว่าการแข่งขันนี้ไม่ได้แค่เป็นเรื่องของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่เป็นการสะท้อนถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของนักกีฬาที่พร้อมจะท้าทายตนเองและสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศของตนเอง ดังนั้น การแข่งขันของกษิดิศในออสเตรเลียน โอเพ่น ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเทนนิสไทยรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายสำคัญของวงการเทนนิสไทยที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง