กรณีความขัดแย้งระหว่างบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลไทยเริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เสนอให้มีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าสื่อมวลชน โดยเขาแสดงความไม่พอใจต่อคำกล่าวหาของสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ที่เชื่อมโยงถึงปัญหาทางการเงินและการบริหารงานในอดีต บังยียืนยันว่าตนเองมีเอกสารและหลักฐานครบถ้วนเกี่ยวกับการทำสัญญาที่สร้างรายได้มโหฬารให้สมาคม นอกจากนี้เขายังตั้งคำถามถึงความสามารถในการจัดการปัญหาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของผู้บริหารคนปัจจุบัน
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากคำแถลงของมาดามแป้งที่ระบุว่าศาลฎีกาตัดสินให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 360 ล้านบาทแก่บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเธอตำหนิว่าปัญหานี้มาจากผู้บริหารชุดเก่าที่นำโดยสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทั้งยังมีข้อกล่าวหาอื่นๆ เช่น การจ่ายค่าทนาย 30 ล้านบาทและการไม่มีหลักฐานการคืนเงินเดือนของสมยศ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น
ในรายการโทรทัศน์ทาง PPTV HD 36 วรวีร์ มะกูดี ได้ตอบโต้โดยยืนยันว่าตนเองมีบทบาทสำคัญในการเจรจาสัญญากับทรูวิชั่นและสยามสปอร์ต ซึ่งสร้างรายได้ปีละ 600 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 3 ปี (2557-2559) เขาย้ำว่าการกระทำของเขาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวงการฟุตบอลอาชีพของประเทศ นอกจากนี้เขายังเปิดเผยภาพเซ็นสัญญาพร้อมด้วยเซอร์ ริชาร์ดส์ เดวิด ในฐานะพยาน
บังยีตั้งข้อสังเกตว่าสมยศไม่เคยให้เครดิตกับผลงานที่เขาทำไว้ ก่อนจะกล่าวว่าสมยศเลือกยกเลิกสัญญากับทรูวิชั่นซึ่งส่งผลให้สมาคมขาดรายได้อย่างมหาศาล ในขณะที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีกในปัจจุบันมีมูลค่าน้อยกว่า 100 ล้านบาท มาดามแป้งจึงต้องแบกรับปัญหาที่สะสมมาจากการบริหารงานในอดีต
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างในแนวทางการทำงานและความคาดหวังของผู้บริหารแต่ละยุค รวมถึงผลกระทบต่อวงการฟุตบอลไทย หากทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยกันอย่างเปิดเผยและโปร่งใส อาจช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นในอนาคต