โครงการที่จัดขึ้นโดยสหภาพเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์ภายใต้การกำกับของกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว มุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าทางวัฒนธรรมให้แก่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการแสดงศิลปะแบบดั้งเดิมและดนตรีราชสำนักเว้ โครงการนี้ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีและประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเยาวชนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีแผนขยายขอบเขตการทำงานเพื่อเชื่อมโยงระหว่างศิลปะดั้งเดิมกับคนรุ่นใหม่ผ่านการแสดงและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

กิจกรรมเชื่อมโยงวัฒนธรรม: การพาเยาวชนเข้าถึงศิลปะพื้นบ้าน

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ สหภาพเยาวชนภายใต้การดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวได้จัดโครงการ "พาสมาชิกสู่โรงละครศิลปะดั้งเดิม" ในปี พ.ศ. 2568 เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้เรียนรู้และสัมผัสกับศิลปะพื้นบ้านที่ล้ำค่า โครงการนี้จัดขึ้นในช่วงเดียวกับการเฉลิมฉลองเดือนเยาวชน (26 มีนาคม 2574 – 26 มีนาคม 2568) และปีท่องเที่ยวแห่งชาติเว้ 2568

เลขาธิการสหภาพเยาวชน เล มินห์ ดึ๊ก ได้แสดงความเห็นว่าโครงการดังกล่าวช่วยสร้างโอกาสให้เยาวชนได้เข้าใจถึงความสำคัญของศิลปะพื้นบ้านและการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแสดงละครเรื่อง "ความรักของแม่" ซึ่งนำเสนอคุณค่าทางครอบครัวและความภักดี รวมถึงการแสดงดนตรีราชสำนักเว้ที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ

โครงการ "ท่วงทำนองแห่งเมืองหลวง – การเดินทางของเยาวชน" เป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะดั้งเดิม ผ่านการแสดงสดและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการที่ช่วยกระตุ้นความสนใจของเยาวชนมากกว่า 200 คนจากการหลากหลายหน่วยงาน

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติให้กับคนรุ่นใหม่

การเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะพื้นบ้านเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องและเผยแพร่คุณค่าทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าของประเทศ

จากมุมมองของนักข่าว โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วัฒนธรรมในฐานะเครื่องมือในการเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ศิลปะดั้งเดิมในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การมีส่วนร่วมของเยาวชนในโครงการนี้สามารถช่วยสร้างความตระหนักรู้ที่นำไปสู่การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในระยะยาว