กีฬา
ตะกร้อไทยพ่ายแพ้ในศึกเอสทีแอลแชมเปี้ยนคัพ 2024 แม้มีขุมกำลังระดับแนวหน้าของประเทศ
2024-11-16
การแข่งขันตะกร้อเอสทีแอลแชมเปี้ยนคัพ 2024 ที่รัฐเซลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนตะกร้อชาวไทย เนื่องจากทีมทหารอากาศของไทยที่ส่งไปแข่งขันนั้น มีนักกีฬาที่อยู่ในแคมป์ทีมชาติถึง 4 คน แต่กลับไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ ทั้งที่ถือว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพสูง
ทีมทหารอากาศไทยพร้อมแล้วหรือยัง?
การเตรียมความพร้อมที่ไม่เพียงพอ
หลังจากแพ้ให้กับทีมอินเดีย ไฟเตอร์ส 1-2 เซต และมีสถิติแพ้ 3 นัดรวด จนตกรอบแรกอย่างน่าเสียดาย "ซ้ายสั่งตาย" ศิริวัฒน์ สาขา แบ๊กจอมเก๋าที่ติดทีมชาติไทยมากว่า 10 ปี ได้กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมก่อนมาแข่งในครั้งนี้ของทีมทหารอากาศ ยังไม่ดีพอ ซึ่งเมื่อดูจากผลงานในสนามก็เป็นเช่นนั้นในขณะที่หลายทีมในมาเลเซีย ได้มีการเตรียมทีมกันอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนแข่งรายการนี้ ตะกร้อลีกอาชีพในบ้านเขาอย่าง เอสทีแอล พรีเมียร์ 2024 (STL PREMIER 2024) เพิ่งปิดลีกไปหมาดๆ ทำให้สโมสรจากมาเลเซียมีความพร้อมมากกว่าทหารอากาศการเลือกผู้เล่นที่ไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุด
ในสังกัดทหารอากาศ ยังมีนักตะกร้อมากฝีมืออีกหลายคน โดยเฉพาะ "ยาวปืนใหญ่" สิทธิพงษ์ คำจันทร์ ที่ได้รับการยกย่องจากแฟนตะกร้อให้เป็นตัวเสิร์ฟที่ดีที่สุดของประเทศไทยในเวลานี้ และ "น็อต" วรายุทธ์ จันทรเสนา ที่มีส่วนสำคัญกับการคว้า 2 เหรียญทองเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีนหากทีมหวายลูกทัพฟ้าใส่ชื่อสองคนนี้ไปผนึกกำลังร่วมกับ ศิริวัฒน์, วิชาญ และ พิเชษฐ์ ศักยภาพทีมจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม สต๊าฟโค้ชของทหารอากาศ คงจะมองถึงการสร้างสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ในอนาคต จึงใส่ชื่อ ณิชกุล และ ภูตะวัน ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์นี้คู่แข่งพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องยอมรับว่า ช่วงหลังๆ มาเลเซียพัฒนาขึ้นมา และไม่ใช่แค่ทีมชาติเท่านั้น แต่หลายสโมสรเริ่มผลิตนักตะกร้อสายเลือดใหม่ที่น่าจับตามองขึ้นมาประดับวงการ อาทิ ซูห์รี่ ซิน ตัวเสิร์ฟของ เซลังงอร์ในวัย 24 ปี ที่หลุดจากทีมชาติมาเลเซียไปนาน แต่กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งนอกจากนี้ อินเดีย ไฟเตอร์ส ทีมจากอินเดีย ก็สำแดงให้เห็นแล้วว่า นักตะกร้ออินเดียในช่วงหลังๆ ไม่ธรรมดา มีลูกเสิร์ฟที่รุนแรงขึ้น แถมศักยภาพการขึ้นฟาดหน้าตาข่ายของพวกเขา ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัวการที่อินเดียมีมาตรฐานดีขึ้น นับเป็นผลดีไม่น้อย เพราะจะทำให้กีฬาตะกร้อ เป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยให้กีฬาชนิดนี้ กระจายความนิยมไปสู่ภูมิภาคเอเชียใต้บ้าง มิใช่นิยมอยู่แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงภูมิภาคเดียว