เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567, “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้เดินหน้าทำภารกิจสำคัญที่ต่างประเทศ. หลังจากมีโอกาสศึกษาดูงานที่ Aspire Academy, ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลดีที่สุดในโลกและเพิ่งครบรอบการก่อตั้ง 20 ปีในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์. จากนั้น, ได้ลงนาม MOU ร่วมกับ สหพันธ์ฟุตบอลกาตาร์. ในขณะนี้, ได้พูดคุยกับ จัสซิม ราชิด อัล บูเนน ประธานสหพันธ์ฯ. การทำงานดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยภายใต้กรอบความร่วมมือหลายด้าน, โดยเฉพาะด้านเยาวชน. กาตาร์มีความพร้อมเรื่องศูนย์ฝึก, แคมป์เก็บตัว, และยังเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก U17 ตั้งแต่ปี 2025-2029. รวมถึงโอกาสการจัดเกมกระชับมิตรระหว่างสองประเทศในทุกรุ่นอายุ.

การทำพิธีลงนามใน MOU

วันที่ 18 ธันวาคม 2567, “มาดามแป้ง” ได้ทำพิธีลงนามใน MOU กับ สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย. มี ยัสเซอร์ อัล มิเซฮาล ประธานสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย ร่วมพิธีลงนามด้วยตนเอง. พร้อมด้วย นายศิระ สว่างศิลป์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา เป็นสักขีพยาน เพื่อพัฒนาความร่วมมือ, โดยเฉพาะด้านฟุตบอลหญิง. ซาอุดีอาระเบีย ต้องการคำแนะนำและช่วยเหลือจากไทยเนื่องจากขณะนี้, ฟุตบอลหญิงและการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนชายเป็นเรื่องสำคัญ. การแลกเปลี่ยนวิทยาการและองค์ความรู้ระหว่างกันด้วยด้านโค้ชผู้ฝึกสอน, การวิจัย, และด้านกฎหมาย.

การพบกับบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอล

ในการเดินทางมาตะวันออกกลางครั้งนี้, นายกสมาคมฟุตบอลไทยได้มีโอกาสพบกับบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลหลายราย. เช่น, จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า, ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาลิฟา ประธานเอเอฟซี, ชีค ฮามัด บิน คาลิฟา บิน อาห์เหม็ด อัล-ธานี รัฐมนตรีกีฬาและเยาวชนของกาตาร์, บอร์ดบริหารฟีฟ่า, และ ประธานสพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติอาหรับ. แม้แต่ชีค ซาเลม บิน ซาอีด อัล วาไฮบี ประธานสมาคมฟุตบอลโอมาน, เอริค โธเฮียร์ ประธานสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย และ ตุนกู อิสมาอิล อิบนี สุลต่าน อิบราฮิม มกุฎราชกุมารแห่งรัฐยะโฮร์ในฐานะเจ้าของทีมฟุตบอลยะโฮร์. หวังว่าจะสร้างพันธมิตรฟุตบอลในระดับภูมิภาค, แระดับเอเชียและระดับโลกเพื่อยกระดับฟุตบอลของไทยให้ก้าวหน้ามากขึ้น.

สถานะของประเทศกาตาร์และซาอุดีอาระเบีย

สำหรับประเทศกาตาร์และประเทศซาอุดีอาระเบียที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทำ MOU ด้วยนั้น, แต่ละประเทศเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จและเติบโตแบบก้าวกระโดดในวงการฟุตบอล. กาตาร์เป็นทั้งเจ้าภาพฟุตบอลโลกเมื่อปี 2022และเจ้าภาพ เอเชียน คัพเมื่อปี 2023. รวมถึงยังคว้าแชมป์เอเชียน คัพ 2 สมัยติดต่อกันเมื่อปี 2019และ 2023. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียก็เพิ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2034. สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศทั้งสองมีความสำคัญและมีความเป็นไปได้ในวงการฟุตบอล.