สถานการณ์การเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อเกิดการแข่งขันระหว่างผู้สมัครหลายคน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคหลายสมัยและปัจจุบันเป็นประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ เสนอให้ตนเองเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อสร้างทางออกร่วมกัน เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันอย่างไม่มีความแตกแยก โดยเฉพาะเมื่อไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ที่จะได้รับจากการดำรงตำแหน่ง แต่เป็นเรื่องของความเสียสละเพื่อพัฒนาวงการกีฬา
พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงความห่วงใยต่อความแตกแยกที่อาจเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่าเขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ทำไมบุคคลในวงการกีฬาต้องแย่งชิงตำแหน่งที่ไม่ได้มอบผลตอบแทนทางการเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ การเลือกตั้งในวันที่ 25 มีนาคม ที่บ้านอัมพวัน จะเป็นเวทีที่สะท้อนถึงอนาคตของความสามัคคีในวงการกีฬา หากทุกฝ่ายสามารถเจรจากันได้สำเร็จ ก็จะเป็นการสร้างแบบอย่างที่ดีให้กับวงการกีฬาไทย
นอกจากนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังเสนอแนวทางในการปรับปรุงจำนวนกรรมการบริหารตามธรรมนูญ โดยระบุว่าควรมีจำนวนทั้งหมด 25 คน ประกอบด้วยกรรมการบริหาร 23 คน สมาชิกไอโอซีหนึ่งคน และตัวแทนนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์อีกหนึ่งคน การตีความธรรมนูญในประเด็นนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้งหากไม่มีการพูดคุยกันอย่างรอบคอบ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงความใกล้ชิดกับผู้สมัครทั้งสาม ได้แก่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม และคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายยอมถอยกันคนละก้าว ก็จะสามารถสร้างความสามัคคีและความเข้าใจร่วมกันได้
การสร้างความสามัคคีในวงการกีฬาเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การพูดคุยและการเจรจาเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาวงการกีฬาไปสู่ความสำเร็จในอนาคต การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับผู้สมัครทุกคน และหวังว่าพวกเขาจะมองภาพรวมของวงการกีฬาในฐานะทีมเดียวกัน ไม่ใช่คู่แข่งที่ต้องต่อสู้กัน