ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบสาย บุญวีรบุตร ผู้นำสมาคมกีฬาเชียร์แห่งประเทศไทย เผยว่า การแข่งขันเชียร์ลีดดิ้งและเพอร์ฟอร์แมนซ์เชียร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักกีฬาไทยในการพัฒนาศักยภาพ และเรียนรู้จากนักกีฬาระดับโลก ทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นหนึ่งในรายการที่มีมาตรฐานสูงที่สุดเทียบเท่าการแข่งขันเวิลด์คัพ ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากถึง 47 คน ใน 3 ประเภทการแข่งขัน โดยหวังคว้ารางวัลไม่น้อยกว่า 2 รายการ
การแข่งขันครั้งนี้มีทีมจาก 7 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ มองโกเลีย จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย ออสเตรเลีย และเจ้าภาพญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 39 ทีมในประเภทเชียร์ลีดดิ้ง และ 65 ทีมในประเภทเพอร์ฟอร์แมนซ์เชียร์ รวมทั้งหมด 104 ทีม นักกีฬาไทยได้แสดงฝีมือในหลากหลายประเภท เช่น พอมดับเบิลส์โอเพ่น ฮิปฮอปดับเบิลส์โอเพ่น และฮิปฮอปทีมซีเนียร์
ในประเภทพอมดับเบิลส์โอเพ่น มีนักกีฬาไทย 2 คน ส่วนฮิปฮอปดับเบิลส์โอเพ่น มีผู้เข้าร่วม 8 คน ทั้งสองประเภทนี้มีความท้าทายเฉพาะตัว ทั้งในด้านทักษะและการประสานงานระหว่างคู่ นักกีฬาไทยจำเป็นต้องแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับทีมอื่นๆ ได้อย่างมั่นใจ
สำหรับประเภทฮิปฮอปทีมซีเนียร์ มีนักกีฬาไทยเข้าร่วม 17 คน ทีมนี้ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์การแสดงที่ทั้งสวยงามและทรงพลัง ต้องใช้ทักษะทางกายภาพและความสามัคคีภายในทีม เพื่อให้สามารถนำเสนอผลงานที่โดดเด่นบนเวทีระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ยังมีประเภทเชียร์ลีดดิ้งทีมจูเนียร์ ที่มีนักกีฬาไทยเข้าร่วม 20 คน นักกีฬาเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน แต่มีความสามารถและพร้อมที่จะแสดงความสามารถของตนเองบนเวทีใหญ่ การแข่งขันประเภทนี้ต้องการทั้งทักษะทางเทคนิคและความสามารถในการประสานงานเป็นทีม
การแข่งขันเชียร์ลีดดิ้งและเพอร์ฟอร์แมนซ์เชียร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับนักกีฬาไทย นอกจากจะได้แสดงความสามารถแล้ว ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะจากการแข่งขันกับนักกีฬาจากประเทศต่างๆ หวังว่าประสบการณ์นี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานกีฬาเชียร์ของไทยให้สูงขึ้นในอนาคต