ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย การมอบฉายาให้แก่บุคคลในวงการกีฬาเป็นประเพณีที่กระตุ้นการทำงานและเผยแพร่ชื่อเสียง นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความเคารพและความสนับสนุนต่อผู้มีผลงานเด่นในวงการกีฬาไทย สำหรับปี 2566 มีการมอบฉายาให้แก่บุคคลสำคัญในวงการกีฬาจำนวน 12 คน โดยแต่ละคนมีบทบาทและความสำเร็จที่โดดเด่นแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการคว้าเหรียญรางวัลระดับโลก การสร้างสถิติใหม่ หรือการสนับสนุนวงการกีฬาอย่างต่อเนื่อง

บุคคลสำคัญในแวดวงการบริหารกีฬา

ในปี 2566 มีหลายบุคคลที่ได้รับฉายาจากการทำงานในตำแหน่งสำคัญทางการบริหารกีฬา ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จและความพยายามในการผลักดันวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้า

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตนายกสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ได้รับฉายาว่า "ป้อม…สำลักน้ำ" จากการแพ้เลือกตั้งนายกสมาคมฯ ทำให้เขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยได้อีก ส่วนคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้รับฉายาว่า "นางพญาโอลิมปิค" เธอมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและพัฒนาวงการกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการได้รับรางวัลพลเมืองกิตติมศักดิ์จากเกาหลีใต้

นักกีฬาและผู้บริหารที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ

นอกจากผู้บริหารแล้ว นักกีฬาและบุคคลในวงการกีฬายังมีบทบาทสำคัญในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในปี 2566 มีนักกีฬาหลายคนที่ได้รับการยกย่องและมอบฉายาเพื่อเชิดชูเกียรติ

พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย ได้รับฉายาว่า "2 ทอง กับ 1 เธอ" หลังจากคว้าเหรียญทองสองครั้งและประกาศอำลาวงการพร้อมเผยความรักกับนักกีฬาทีมชาติอีกคน กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยวเหรียญเงินโอลิมปิก ได้รับฉายาว่า "ตี๋น้อย ร้อยพรีเซ็นเตอร์" จากความสามารถในการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าแบรนด์ดังหลายตัว อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟสาวมือ 4 ของโลก ได้รับฉายาว่า "ต้นโบกี้ ปลายอีเกิ้ล" จากการคว้าแชมป์และเงินรางวัลสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟหญิง สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักวีลแชร์ฟันดาบ ได้รับฉายาว่า "ดาบไร้เทียมทาน" จากการคว้า 3 เหรียญทองในพาราลิมปิกเกมส์ และสมเกียรติ จันทรานักจักรยานยนต์โมโตจีพี ได้รับฉายาว่า "แว้น อัพเกรด" จากการพลิกชีวิตจากเด็กแว้นกลายเป็นนักแข่งระดับโลก